สัญญาณอันตราย จากโรคนอนเยอะเกินไป (Hypersomnia)

คุณเคยรู้สึกไหมว่า…นอนเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ ตื่นมาแล้วยังรู้สึกง่วง เพลีย หรือไม่มีแรงจะเริ่มต้นวันใหม่ ทั้งที่นอนมาเป็นสิบชั่วโมง? อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่แค่พักผ่อนเพิ่มแล้วจะดีขึ้นเสมอ เพราะในบางกรณี การนอนเยอะเกินไป อาจกำลังสะท้อนปัญหาสุขภาพบางอย่างที่ซ่อนอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว

หลายคนไม่ทันสังเกตว่า ความผิดปกติในการนอน ไม่ว่าจะนอนมากเกินไปหรือนอนไม่พอ ล้วนส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจมากกว่าที่คิด หากคุณรู้สึกว่าวงจรชีวิตเริ่มรวน หรืออยากเข้าใจสาเหตุของความเหนื่อยล้าเรื้อรังที่แก้ไม่หาย การเข้ารับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาการนอนได้อย่างตรงจุด

นอนเยอะเกินไป คืออะไร?

 ภาวะนอนเยอะเกินไป หรือ Hypersomnia คืออาการที่นอนเท่าไรก็ไม่รู้สึกพอ ง่วงบ่อย งีบหลับระหว่างวันหลายครั้ง แม้จะนอนมากกว่า 8 ชั่วโมงแล้วก็ตาม บางคนอาจหลับกลางวันซ้ำ ๆ หรือเผลอหลับในขณะกินข้าว พูดคุย หรือทำงาน

ภาวะนี้ไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจหรือพฤติกรรมล้วน ๆ แต่อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ ความผิดปกติของสมอง ภาวะซึมเศร้า หรือโรคหยุดหายใจขณะหลับ หากเป็นบ่อย ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและแนวทางรักษาอย่างเหมาะสม

นอนเยอะเกินไปเกิดจากอะไร?

การนอนเยอะเกินไป อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • ร่างกายอ่อนล้าสะสมมานาน หรือพักผ่อนไม่พอจนต้องนอนชดเชย
  • เปลี่ยนเวลานอนบ่อย เช่น ทำงานเป็นกะ หรือเพิ่งเดินทางข้ามประเทศ
  • ระบบของร่างกายไม่ปกติ เช่น ฮอร์โมนไม่สมดุล หรือไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติ
  • อารมณ์และความเครียด โดยเฉพาะในคนที่มีภาวะซึมเศร้า อาจทำให้อยากนอนเพื่อหนีจากความรู้สึกซึมเศร้า
  • ยาบางชนิด อาจมีฤทธิ์ง่วงหรือกดระบบประสาท
  • โรคทางกาย เช่น เบาหวาน หรือโรคหัวใจที่ทำให้อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • กรน หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้หลับไม่ลึก ร่างกายจึงต้องการการนอนมากกว่าปกติ

การนอนเยอะไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าเป็นบ่อยจนน่ากังวล อย่าปล่อยให้ร่างกายต้องส่งสัญญาณอยู่ฝ่ายเดียว ลองให้เวลากับตัวเอง หรือลองปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

อาการที่บอกว่านอนเยอะเกินไป

  • นอนเกิน 9–10 ชั่วโมงต่อวันเป็นประจำ แต่ยังรู้สึกง่วง เพลีย ไม่สดชื่นหลังตื่นนอน
  • มีความรู้สึกอยากนอนอยู่ตลอดเวลา แม้เพิ่งตื่น หรือแม้ในช่วงกลางวัน
  • รู้สึกง่วงหรือเผลอหลับระหว่างทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ขณะดูหนัง ทำงาน หรือแม้แต่กินข้าว
  • ขาดสมาธิ ความจำสั้น ตอบสนองช้า หรือรู้สึกเหมือน “เบลอ” ตลอดทั้งวัน
  • รู้สึกไม่มีแรง ไม่อยากทำอะไร แม้เป็นกิจกรรมที่เคยรู้สึกสนุกหรือกระตือรือร้น
  • ง่วงในสถานการณ์ที่ไม่ควรง่วง เช่น ระหว่างประชุม ระหว่างขับรถ หรือพูดคุยกับผู้อื่น
  • ต้องการงีบระหว่างวันอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้รู้สึกดีขึ้นหรือมีพลังกลับมา

นอนเยอะไป อาจเป็นสัญญาณของโรคลมหลับ

การ ง่วงนอนมากเกินไปในเวลากลางวัน (Excessive Daytime Sleepiness – EDS) และเผลอหลับบ่อยๆ แม้จะนอนพอแล้ว เป็นอาการสำคัญของ โรคลมหลับ (Narcolepsy) ซึ่งเกิดจากสมองควบคุมการหลับตื่นไม่ได้ ไม่ใช่แค่การนอนเยอะกว่าปกติทั่วไป.

ผลเสียจากการนอนเยอะเกินไป

  • สมองทำงานช้า อารมณ์เฉื่อยชา
    นอนมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกง่วง เบลอ คิดอะไรช้า ไม่มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิต ส่งผลต่อประสิทธิภาพทั้งการเรียนและการทำงาน
  • ร่างกายไม่กระปรี้กระเปร่า กล้ามเนื้อและกระดูกทำงานน้อยลง
    การอยู่นิ่งนานเกินไป เช่น นอนมากกว่าปกติ อาจทำให้กล้ามเนื้อฝ่อลีบ ข้อต่อฝืด และเกิดปัญหากระดูกพรุนในระยะยาว
  • เสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง
    เช่น เบาหวาน หัวใจ หรือโรคเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ เนื่องจากร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น เคลื่อนไหวน้อยลง
  • เพิ่มความเสี่ยงต่ออายุสั้น
    จากงานวิจัยพบว่า คนที่นอนมากกว่า 9 ชั่วโมงต่อวันมีความเสี่ยงเสียชีวิตเร็วกว่าคนที่นอน 7–8 ชั่วโมง
  • เสี่ยงสมองเสื่อม
    การนอนเกินจำเป็นอาจทำให้สมองเสื่อมเร็วขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ 
  • อาจมีความเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า
    การนอนมากเกินไปบางกรณีสัมพันธ์กับอาการเศร้า เบื่อชีวิต และไม่มีแรงกระตุ้นในการใช้ชีวิต

โรคอื่นที่อาจตามมาจากการนอนเยอะเกินไป

  1. โรคซึมเศร้า
    นอนมากเกินไปอาจเป็นสัญญาณของโรคซึมเศร้า และยิ่งนอนเยอะ วงจรชีวิตจะยิ่งรวน อาจทำให้อาการแย่ลง
  2. เบาหวาน
    การนอนมากเกินไปสัมพันธ์กับความเสี่ยงของเบาหวานชนิดที่ 2 เพราะร่างกายเคลื่อนไหวน้อยลง ทำให้ระบบเผาผลาญเสียสมดุล
  3. โรคหัวใจ
    นอนเยอะเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ ความดันสูง หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
  4. สมองเสื่อม
    ผู้สูงอายุที่นอนเยอะผิดปกติบ่อย ๆ อาจเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ในระยะยาว
  5.  โรคอ้วน
    การนอนเยอะเกินไป ทำให้ร่างกายเผาผลาญได้น้อย เสี่ยงน้ำหนักขึ้นได้ง่าย
  6. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
    หากนอนเยอะแล้วแต่ยังรู้สึกง่วง อาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับซ่อนอยู่ ซึ่งทำให้คุณภาพการนอนแย่ลง
  7. ปวดเมื่อยตามตัว
    การนอนท่าเดิมนาน ๆ อาจทำให้ปวดหลัง หรือกล้ามเนื้ออักเสบได้ โดยเฉพาะถ้าเตียงไม่รองรับสรีระดีพอ

นอนเยอะเกินไปมีวิธีแก้อย่างไร?

หากคุณรู้สึกว่านอนเท่าไรก็ยังรู้สึกง่วง หรือหลับนานผิดปกติจนกระทบชีวิตประจำวัน อาจถึงเวลาที่ต้องจัดระเบียบการนอนใหม่ โดยอาจลองทำตามวิธีดังต่อไปนี้

  • กำหนดเวลานอนและตื่นให้สม่ำเสมอ
    หลีกเลี่ยงการตื่นสายหรืองีบหลับตอนกลางวัน เพราะจะทำให้รบกวนการนอนตอนกลางคืน
  • จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการนอน
    ห้องนอนควรสงบ มืด ไม่มีสิ่งรบกวน เช่น แสงสีฟ้าจากมือถือหรือเสียงดัง เพื่อให้สมองหลั่งเมลาโทนินได้ดี ซึ่งจะทำให้วงจรการนอนดีขึ้น
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ
    เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นสมองและร่างกายให้รู้สึกสดชื่น โดยควรเลือกเวลาออกกำลังกายให้ห่างจากเวลาเข้านอน 4–6 ชั่วโมง
  • กินอาหารที่ช่วยส่งเสริมการนอน
    เช่น อาหารที่มีทริปโตเฟน (Tryptophan) เช่น กล้วย นมอุ่น หรือธัญพืช ที่ช่วยให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งจะทำให้การนอนดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
    นิโคตินในบุหรี่จะรบกวนวงจรการหลับ โดยเฉพาะในคนที่สูบบุหรี่ก่อนนอน หรือได้รับควันบุหรี่จากผู้อื่น
  • งดดื่มเครื่องดื่มกระตุ้นก่อนนอน
    เช่น ชา กาแฟ โกโก้ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้นอนหลับไม่สนิท หรือนอนนานแต่ไม่สดชื่น
  • หากงีบกลางวัน ควรจำกัดเวลาให้สั้น
    โดยไม่ควรเกิน 20–30 นาที และไม่ควรงีบช่วงเย็น เพราะจะรบกวนการหลับในเวลากลางคืน
  • ฝึกสมาธิหรือผ่อนคลายก่อนนอน
    เช่น การฟังเพลงเบา ๆ หรือทำสมาธิสั้น ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายก่อนเข้านอน
  • รักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
    หากสงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ควรเข้ารับการตรวจการนอนหลับ หรือ sleep test เพื่อยืนยันสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม

นอนเยอะเกินไปอันตรายกว่าคิด เราจึงต้องรีบรักษา

อาการง่วงตลอดเวลา ทั้งที่นอนเต็มอิ่มแล้ว ตื่นมาแล้วไม่สดชื่น รู้สึกอ่อนล้า ไม่มีแรงไปทำกิจวัตรประจำวันสิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ความเหนื่อยล้าทั่วไป แต่อาจเป็นสัญญาณของภาวะนอนเยอะเกินไป หรือ Hypersomnia ซึ่งอาจซ่อนโรคหรือความผิดปกติบางอย่างไว้โดยที่เราไม่รู้ตัว

การนอนมากกว่าที่ร่างกายต้องการในระยะยาว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า โรคหัวใจ เบาหวาน ไปจนถึงปัญหาการทำงานของสมองและระบบเผาผลาญ การปล่อยให้ตัวเองนอนนานผิดปกติเป็นประจำ อาจส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและใจมากกว่าที่คิด

หากคุณกำลังสงสัยว่าการนอนของตัวเอง “มากเกินไปหรือเปล่า” หรืออยากเข้าใจพฤติกรรมการนอนของตัวเองให้ดีขึ้น การพูดคุยกับแพทย์เฉพาะทางการนอนหลับอาจช่วยให้เห็นต้นตอของปัญหาได้เร็วและรักษาได้อย่างทันท่วงที
Bangkok Sleep Center ให้บริการตรวจประเมินและดูแลปัญหาการนอน ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางการนอนการตรวจ Sleep Test การรักษาปัญหาการนอนเฉพาะบุคคล รวมไปถึงการทำพฤติกรรมบำบัดเพื่อรักษาปัญหาการนอน เพื่อให้คุณกลับมานอนหลับได้อย่างมีคุณภาพอีกครั้ง

บางครั้ง…แค่การนอน “นานเกินไป” ก็อาจเป็นเสียงเบา ๆ จากร่างกายที่กำลังขอความช่วยเหลืออยู่เงียบ ๆ ก็ได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการนอนเยอะเกินไป

นอนเยอะ บ่งบอกอะไร?

อาจเป็นสัญญาณของความเครียดสะสม พักผ่อนไม่พอ หรือมีปัญหาสุขภาพแอบแฝง เช่น โรคซึมเศร้า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือโรคเรื้อรังอื่น ๆ หากนอนมากแต่ยังรู้สึกง่วงหรืออ่อนล้า ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กคุณภาพการนอน

นอนวันละ 10 ชั่วโมง เยอะไปไหม?

สำหรับผู้ใหญ่ การนอน 10 ชั่วโมงต่อวันถือว่ามากกว่าปกติ (แนะนำ 7–9 ชั่วโมง/วัน) ถ้านอน 10 ชั่วโมงแล้ว ยังรู้สึกง่วง เพลีย หรือไม่สดชื่น อาจเป็นสัญญาณว่าคุณภาพการนอนไม่ดี หรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่างซ่อนอยู่

นอนเยอะ ๆ ควรทําอย่างไร?

เริ่มจากปรับพฤติกรรมการนอนให้เป็นเวลา งดงีบตอนกลางวัน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงคาเฟอีนก่อนนอน ถ้ายังรู้สึกง่วงหรือเพลียตลอดเวลา ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ

ทำไมบางคนถึงนอนได้ทั้งวัน?

อาจเป็นเพราะร่างกายสะสมความอ่อนล้ามานาน หรือมีภาวะผิดปกติบางอย่าง เช่น ซึมเศร้า ฮอร์โมนแปรปรวน หรือโรคหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้นอนนานแต่ไม่สดชื่น ร่างกายจึงพยายามนอนต่อเพื่อชดเชย หากเป็นบ่อย ควรตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม

บทความอื่นๆ

ลูกนอนอ้าปาก หายใจแรง เป็นเรื่องที่เดี๋ยวโตก็หายหรือเปล่านะ ?

เรื่องสภาวการณ์นอนกรนในเด็ก หลายๆครอบครัวอาจมองข้ามเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ โตเดี๋ยวก็หาย ซึ่งทางการแพทย์ยืนยันแล้วว่า ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสติปัญญา ของลูกน้อย

อ่านเพิ่มเติม
ปวดหัวหลังตื่นนอน

อาการปวดหัวหลังตื่นนอน เป็นๆหายๆ ที่มองข้ามไม่ได้

การตื่นนอนในตอนเช้าอย่างสดชื่นนั้น จะนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตประจำวันที่ดี หากเราเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาการปวดหัวแล้ว อาจทำให้เช้านั้นกลายเป็นวันที่แย่

อ่านเพิ่มเติม
Shopping Basket