เราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพการนอนที่ดี
กรุงเทพ สลีป เซ็นเตอร์
คำถามเหล่านี้ อาจจะเป็นเรื่องที่หลายคนนึกสงสัย เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก หากต้องลงทุนไปตรวจการนอนหลับเป็นเรื่องเป็นราว เพียงเพราะต้องการทราบว่าตัวเองนอนกรนหรือไม่ แท้จริงแล้ว “การกรน” ไม่ใช่จุดจบของเรื่องนี้ “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ” ที่อาจแฝงอยู่นั้นต่างหาก จะเป็นตัวที่ค่อยๆ ทำให้ร่างกายของคุณพัง
การตรวจ Sleep test (หรือ sleeping test) สามารถค้นหาความอันตรายที่แฝงอยู่ในตัวคุณจากการนอนหลับ และทราบรายละเอียดที่สำคัญมากมาย เพื่อที่จะทำให้คุณได้ป้องกันและรักษาก่อนที่จะสายเกินไป
ลองอ่านดูสักนิด แล้วจะรู้ว่า sleep test สำคัญกับเราและคนที่เรารักมากแค่ไหน
Sleep test หรือ Sleeping Test คือ การตรวจการนอนหลับ เพื่อหาสาเหตุความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการนอน โดยติดตามการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกาย เช่น คลื่นไฟฟ้าสมอง คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด การทำงานของกล้ามเนื้อต่างๆ รวมทั้งประเมินความรุนแรงของโรค เพื่อนำข้อมูลมาวินิจฉัยและให้การรักษา
“Sleep test หรือ Sleeping test เป็นคำที่ใช้กันโดยทั่วไป ในทางการแพทย์เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า Sleep study หรือ Polysomnography”
ร่างกายของเราต้องการการพักผ่อนที่มีคุณภาพอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนอนหลับ ซึ่งถือเป็นการพักผ่อนที่สำคัญที่สุด หลังจากที่ทำงานอย่างเหนื่อยล้ามาทั้งวัน เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้ฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่
แต่หากเรานอนหลับได้ไม่เพียงพอ หรือการนอนไม่ได้คุณภาพแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งบางครั้งอาจเป็นอันตรายมากกว่าที่เราคิด
การตรวจSleep test ถือเป็นขั้นตอนการตรวจที่เป็นมาตรฐาน สำหรับการตรวจการนอนหลับและคุณภาพการนอน โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ เพื่อติดตามการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายขณะที่นอนหลับเพื่อค้นหา “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ” ที่อาจแฝงอยู่
การตรวจ sleep test จะมีการติดอุปกรณ์ ที่ใช้ติดตาม การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกายระหว่างหลับ ได้แก่
นอกจากนี้ยังมีการถ่ายวิดีโอเพื่อสังเกตท่าทางการนอน และความผิดปกติทางพฤติกรรมที่อาจเกิดขึ้นขณะหลับ เช่น การนอนละเมอ หรือนอนแขนขากระตุก เป็นต้น
เมื่อรวบรวมผลจากการตรวจการนอนหลับเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะสามารถตรวจวินิจฉัยความผิดปกติต่าง ๆ พร้อมทั้งประเมินความรุนแรงของอาการได้ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ นอนขากระตุกขณะหลับ ภาวะเคลื่อนไหวและพฤติกรรมผิดปกติขณะหลับ ภาวะนอนไม่หลับ และความผิดปกติของการนอนหลับชนิดอื่น ๆ
ดังนั้น จึงทำให้ผู้เข้ารับการตรวจ เข้าใจภาวะการนอนหลับของตัวเองอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะผิดปกติที่อาจไม่เคยสังเกตได้มาก่อน ซึ่งจะช่วยในการวางแผนและติดตามการรักษาได้อย่างเหมาะสมต่อไป
เราสามารถประเมินตัวเองได้ง่าย ๆ ว่าควรเข้ารับการตรวจ sleep test หรือไม่? โดยดูจากอาการผิดปกติหรือพิจารณาว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ดังนี้
สามารถทำแบบประเมิน Epworth sleepiness scale เพื่อเช็คว่าตัวเองมีอาการง่วงผิดปกติหรือไม่?
โดยให้คะแนน 0 = ไม่เคยง่วง, 1 = ง่วงเล็กน้อย, 2 = ง่วงปานกลาง, 3 = ง่วงมาก
หากว่าเราได้คะแนนรวมกันมากกว่า 9 คะแนนขึ้นไป แสดงว่าเรามีภาวะง่วงมากผิดปกติ และควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจ sleep test
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นหนึ่งในสาเหตุอันดับต้น ๆ ของปัญหาการนอนหลับที่นำไปสู่โรคร้ายแรงได้มากมาย เราจึงได้นำเสนอ STOP-BANG ซึ่งเป็นชุดคำถามที่มีประสิทธิภาพที่ดีในการคัดกรองภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยตนเอง
โดยมีคำถามดังนี้
หากเข้าข่ายมากกว่า 3 ข้อขึ้นไป ถือว่ามีความเสี่ยงเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
(ยิ่งเข้าเกณฑ์หลายข้อ ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงมีอาการรุนแรงขึ้น) สำหรับคนที่อ่านมาถึงหัวข้อนี้ ให้ลองทำดูนะครับ
นอกจากนี้ ผู้ที่ไม่ได้เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการดังที่กล่าวมา ก็สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับเพื่อประเมินความเสี่ยงได้เช่นกัน
การตรวจการนอนหลับมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับความละเอียดของการตรวจ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับได้แก่
การตรวจประเภทที่ 1 นี้ เป็นการตรวจที่มีความแม่นยำสูงสุด โดยจะต้องตรวจที่ศูนย์ตรวจการนอนหลับ (sleep laboratory) และมีเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการนอนหลับตลอดทั้งคืน
การตรวจการนอนหลับแบบนี้จะประกอบด้วย 7 ช่องสัญญาณ (channel) ซึ่งเป็นตามมาตรฐานสากล ได้แก่
นอกจากนี้ การตรวจชนิดนี้จะยังแบ่งออกเป็นการตรวจย่อยได้อีก 2 แบบ ได้แก่
การตรวจประเภทที่ 2 นี้ เป็นการตรวจการนอนหลับแบบสมบูรณ์ (7 ช่องสัญญาณ) ซึ่งมีข้อดีในแง่ของความเป็นส่วนตัว และความรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นอนของผู้เข้ารับการตรวจ เนื่องจากจะใช้สถานที่นอนเป็นห้องนอนที่บ้าน หรือที่พักของผู้เข้ารับการตรวจเอง โดยไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระหว่างคืนที่ตรวจ
การตรวจชนิดนี้เป็นการตรวจการนอนหลับแบบสมบูรณ์ (7 channel) ที่ห้องนอนที่บ้านหรือที่พักของผู้เข้ารับการตรวจเอง โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระหว่างคืนที่ตรวจ นอกจากนี้ การตรวจดังกล่าว จะให้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือได้ใกล้เคียงกับการตรวจระดับที่ 1
แต่มีข้อจำกัดคือ หากอุปกรณ์การตรวจ หรือสายต่อพ่วงอุปกรณ์หลุดขณะนอนหลับ หรือลุกเข้าห้องน้ำ อาจทำให้ผลการตรวจไม่สมบูรณ์ได้ การตรวจชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เคลื่อนไหวลำบาก
การตรวจนี้จะมีการตรวจที่จำกัดลง ได้แก่ การตรวจลมหายใจ การเคลื่อนไหวของหน้าอกและหน้าท้อง วัดระดับออกซิเจนในเลือด วัดระดับเสียงกรน และบางครั้งอาจมีการวัดคลื่นหัวใจร่วมด้วย
ข้อดีของการตรวจ ประเภทนี้ก็คือ จะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าระดับที่ 1 และ 2 ในขณะเดียวกัน ก็มีความละเอียดน้อยกว่า เช่น ไม่ได้วัดคลื่นสมอง เพื่อบ่งบอกระยะการหลับตื้น หรือหลับลึกของผู้เข้ารับการตรวจ เป็นต้น
การตรวจ sleep test ประเภทที่ 4 จะติดตามช่องสัญญาณข้อมูลไม่เกิน 3 อย่าง เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถตรวจระดับที่ 1 ถึงระดับที่ 3 ได้
ผู้ที่ต้องการการตรวจที่แม่นยำ และวินิจฉัยอาการต่าง ๆ ได้ครบถ้วน
การตรวจ sleep test ระดับที่ 1 (ศูนย์ตรวจการนอนหลับ) เป็นการตรวจการนอนหลับแบบสมบูรณ์ ถือว่าเป็นการตรวจการนอนหลับที่ได้ผลแม่นยำที่สุด ซึ่งในปัจจุบัน การตรวจระดับที่ 1 ชนิด Split night sleep test จะทำให้สามารถวัดค่าความดันลม ที่เหมาะสมกับการรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ โดยใช้เครื่องอัดอาการแรงดันบวก (CPAP) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ที่ไม่สะดวกในการเดินทาง หรือมีปัญหาในการนอนในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
การตรวจ sleep test ระดับที่ 2 (อยู่บ้านหรือที่พักตัวเอง) ถือว่าได้มาตรฐานใกล้เคียงกันกับระดับที่ 1 แต่มีข้อควรระวังของการตรวจระดับที่ 2 คือ อาจจะมีสายสัญญาณวัดตัวแปรสำคัญหลุด หรือเลื่อนในขณะหลับ และไม่ได้รับการแก้ไขทันท่วงทีเหมือนการตรวจระดับที่ 1 ทำให้ไม่สามารถประเมินผลได้และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจใหม่
ข้อแนะนำ: ผู้สนใจเข้ารับการตรวจควรปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับโดยเฉพาะ เพื่อประเมินแนวทางการตรวจ sleep test ที่เหมาะสมกับตัวเอง
เชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านน่าจะได้คำตอบกันแล้ว สำหรับคำถามที่ว่า “ทำไมเราต้องไปตรวจการนอนหลับ หรือ sleep test ด้วยล่ะ?”
เพราะการตรวจการนอนหลับนั้น ไม่ได้จบลงเพียงแค่ว่า “เรานอนกรนหรือไม่นอนกรน?” แต่มีรายละเอียดสำคัญมากมาย ที่เราสามารถวิเคราะห์ได้จากการเข้าไปตรวจ โดยเฉพาะภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และความผิดปกติของการนอนหลับชนิดอื่น ๆ เราควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินเบื้องต้นว่า ควรเข้ารับการตรวจ sleep test หรือไม่?
อย่างไรก็ดี ก็มีแนวทางในการประเมินตัวเองได้ง่าย ๆ โดยสังเกตจากอาการผิดปกติต่าง ๆ หรือพิจารณาว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ นอกจากนี้ เราอาจใช้ชุดคำถาม STOP-BANG หากสงสัยว่าตัวเองมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
หากสนใจที่จะเข้ารับการตรวจ sleep test ที่ กรุงเทพ สลีป เซ็นเตอร์ (Bangkok Sleep Center) เรามีบริการตรวจรักษาปัญหาด้านการนอน, ตรวจการนอนหลับ (Sleep test), และการรักษานอนกรนด้วยเครื่อง CPAP โดยท่านสามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่เบอร์ 02-089-8687
กรุงเทพ สลีป เซ็นเตอร์ พร้อมให้คำปรึกษาแก้ไขปัญหานอนกรน แก้อาการนอนกรน ผู้ชาย-ผู้หญิง พร้อมบริการรักษาภาวะนอนกรน และหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea) โดยการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) โดยแพทย์เฉพาะทางที่ได้รับการรับรองจาก American Board of Sleep Medicine และเจ้าหน้าที่ ที่คอยให้บริการอย่างอบอุ่น สุภาพ และเป็นกันเอง ในบรรยากาศที่พักส่วนตัวที่เงียบสงบ และร่มรื่น