เราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพการนอนที่ดี
กรุงเทพ สลีป เซ็นเตอร์
อาการนอนไม่หลับเป็นอาการหนึ่งที่พบได้บ่อยในยุคนี้ ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป การทำงานที่ต้องใช้ความคิดมากขึ้น ส่งผลต่ออารมณ์ เกิดความเครียดสะสม สวนทางกับเวลาดูแลตัวเองที่ลดน้อยลง ส่งผลเสียต่อร่างกาย สภาพจิตใจ และกระทบกับ “การนอนหลับ” ในที่สุด
“ข้อมูลปี 2563 จากกรมสุขภาพจิต พบว่า มีคนไทยมากกว่า 19 ล้านที่มีปัญหานอนไม่หลับ เทียบเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 20-30 ของประชากร และที่น่ากังวลคือ ยังพบอาการนี้ได้ในทุกช่วงวัยอีกด้วย”
ในปัจจุบัน การรักษาโรคนอนไม่หลับ มีหลากหลายวิธี แนวทางการรักษาด้านจิตวิทยาได้ถูกนำมาใช้มากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ การบำบัดอาการนอนไม่หลับด้วยการปรับพฤติกรรม และปรับเปลี่ยนความคิด ที่เรียกว่า “CBT-I (Cognitive Behavioral Therapy for Insomnia) ” ซึ่งมีงานวิจัยจำนวนมากสนับสนุนว่า CBT-I เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะนอนไม่หลับ
หากท่านกำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ นี่อาจเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ…
โรคนอนไม่หลับ หรือ Insomnia เป็นโรคที่ทำให้เราเกิดความยากลำบากอย่างยิ่งในการนอน อาจเกิดขึ้นได้ 3 ลักษณะ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือเกิดร่วมกัน อันได้แก่
นอกจากนี้ ยังพบอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างวัน ดังนี้
อาการนอนไม่หลับ หากเกิดขึ้นช่วงสั้น ๆ ไม่กี่คืน หรือเกิดได้เป็นสัปดาห์ มักเกิดจากความเครียด ความตื่นเต้น อยู่ในภาวะเจ็บป่วย ไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม หรือร่างกายพึ่งผ่านระยะการกระตุ้นมาไม่นานก่อนเข้านอน เช่น พึ่งออกกำลังกายช่วงหัวค่ำ เราเรียกอาการนี้ว่า โรคนอนไม่หลับจากปัญหาการปรับตัว (Adjustment Insomnia) เป็นภาวะที่ไม่น่ากังวล หากเริ่มปรับตัวหรือผ่อนคลายลงแล้ว จะกลับมานอนหลับได้ตามปกติ
แต่ถ้าอาการนอนไม่หลับที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 3 คืน/สัปดาห์ เป็นเวลานานมากกว่า 3 เดือน จะเรียกว่า โรคนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic insomnia) อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ โรคผิดปกติเกี่ยวกับการนอนหลับ รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม
เมื่อมีอาการเช่นนี้นานวันเข้า จะเริ่มส่งผลให้เราเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความผิดปกติในการนอนหลับของตัวเอง ซึ่งยิ่งซ้ำเติมให้การนอนหลับยากลำบากมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นปัญหานอนไม่หลับประเภทใดก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องรอดูอาการเป็นเดือน มีข้อแนะนำว่า หากมีอาการดังกล่าวติดต่อกัน 2 สัปดาห์ขึ้นไป ควรมาพบแพทย์เพื่อปรึกษาและวางแผนการรักษาโรคนอนไม่หลับได้ทันที
Cognitive Behavioral Therapy for Insomnia หรือ CBT-I คือ การรักษาโรคนอนไม่หลับโดยไม่ใช้ยา แต่จะบำบัดโดยการปรับพฤติกรรมและปรับเปลี่ยนความคิด โดยใช้วิทยาศาสตร์ของการนอนหลับเป็นฐานความรู้ ร่วมกับหลักการทางจิตวิทยา
เวลาที่เราใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ และต้องผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ เรามักจะตัดสิน มีความเชื่อ หรือมีความรู้สึกนึกคิดต่อสิ่งต่าง ๆ ที่บิดเบือนไปจากความจริง (dysfunctional thinking) หลาย ๆ ครั้งความเชื่อเหล่านี้ก็กลับมาสร้างผลกระทบทางลบต่ออารมณ์และความรู้สึกของเราเอง
ดังนั้น ในทางจิตวิทยาจึงมีหลักการการบำบัดว่า ถ้าสามารถช่วยให้ผู้ป่วย ประเมินความคิดให้ถูกต้อง สอดคล้องกับความเป็นจริงต่าง ๆ ได้ และเริ่มจับสังเกตเห็นรูปแบบความคิดที่บิดเบือนไปจากความจริง อาการที่ผิดปกติทางด้านจิตใจและพฤติกรรมต่าง ๆ ของผู้ป่วยก็จะดีขึ้น
CBT-I เป็นแนวทางรักษาที่ต่อยอดมาจาก CBT ที่ใช้หลักการข้างต้นนี้ ในช่วงแรก CBT-I ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาโรคซึมเศร้า เรียกว่า CBT (Cognitive Behavioral Therapy) เมื่อการใช้รักษาโรคซึมเศร้าได้ผลดี และมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับชัดเจน จึงได้มีการนำไปประยุกต์ใช้รักษาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต และการใช้ชีวิตในด้านอื่น ๆ
ต่อมาจึงประยุกต์ CBT เพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับโดยเฉพาะด้วย โดยการผสมผสานเทคนิคหลายด้านที่เกี่ยวกับการปรับความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย และมุ่งเน้นไปที่การค้นหาความเชื่อมโยงระหว่างวิธีที่เราคิด สิ่งที่เราทำ และวิธีที่เรานอนหลับ
การรักษาโดยวิธีนี้เป็นแนวทางการรักษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และมีการศึกษามากมายที่พบว่าเป็นรักษาที่มีประสิทธิภาพดี โดยไม่ต้องรักษาร่วมกับการใช้ยาเหมือนการรักษาอาการนอนไม่หลับในอดีต
แม้ว่าการรักษาร่วมกับการใช้ยาจะเป็นการรักษาระยะสั้นที่มีประสิทธิผล เพราะสามารถบรรเทาอาการเราได้ทันทีเวลาที่มีความเครียดหรือความตื่นตัวสูง แต่อาจไม่ใช่วิธีรักษาอาการนอนไม่หลับในระยะยาวที่ดีที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่นอนไม่หลับของผู้ป่วยแต่ละราย
แพทย์หรือนักจิตวิทยาจะสอบถามและทดสอบ เพื่อดูว่าพฤติกรรมใดส่งเสริมการนอนหลับ หรือส่งเสริมให้เกิดปัญหาการนอนหลับกับตัวผู้ป่วย แล้วหาสาเหตุทางด้านความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมที่นำไปสู่อาการนอนไม่หลับได้ในท้ายที่สุด
โดยในระหว่างการรักษา แพทย์อาจแนะนำเทคนิคสำคัญที่ช่วยในการรักษาโรคนอนไม่หลับ ได้แก่
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิค CBT-I อีกมาก ที่แพทย์หรือนักจิตวิทยาอาจเลือกนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงสาเหตุที่เกิดโรคของผู้ป่วยด้วย
CBT-I เหมาะกับผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับที่ไม่เคยพบแพทย์มาก่อน หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่เคยรักษาโรคนอนไม่หลับด้วยยามาแล้ว (แต่ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก) ก็สามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธี CBT-I ได้ นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานสนับสนุนว่า การรักษาด้วยวิธี CBT-I มีผลการรักษาโรคนอนไม่หลับในระยะยาวดีกว่าการใช้ยา benzodiazepine และ nonbenzodiazepine อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มีข้อแนะนำให้ผู้ป่วยปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษา เนื่องจากในบางรายที่มีอาการรุนแรง จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาก่อน จนอาการทุเลาลงแล้วจึงเข้ารับการรักษาด้วย CBT-I ต่อไปได้
การรักษาจะเริ่มจากผู้ป่วยเข้ามาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการนอนหลับ เพื่อวินิจฉัยแยกโรคว่าอาการนอนไม่หลับของคนไข้ มีแนวโน้มมาจากสาเหตุอะไร
เมื่อแพทย์วินิจฉัยแยกโรคได้แล้วว่า ผู้ป่วยนอนไม่หลับเพราะโรคนอนไม่หลับจริง ๆ เช่น เกิดการตื่นตัวของร่างกาย หรือเพราะมีพฤติกรรมที่ไม่ดีทั้งช่วงเวลานอน ก็จะส่งให้มารับการรักษาโดยวิธี CBT-I โดยนักจิตวิทยาหรือนักบำบัดต่อไป
ขั้นตอนการรักษาโรคนอนไม่หลับ แพทย์จะใช้การพูดคุย การให้ความรู้ และการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ป่วย โดยมีการสร้างความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน เช่น สามารถหลับได้เร็ว การนอนหลับมีความต่อเนื่อง และมีคุณภาพการนอนหลับที่ดี เหมาะสมตามศักยภาพของผู้รับการบำบัด
การรักษาโรคนอนไม่หลับ จะใช้การพบกันประมาณ 6-8 ครั้ง ครั้งละประมาณ 45-60 นาที ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
ครั้งที่ 1 แจ้งแนวทางรักษา ประเมินปัญหา : จะเป็นการสัมภาษณ์ประวัติเบื้องต้น ทำชุดแบบทดสอบเพื่อประเมินปัญหา และการทำบันทึกประจำวันด้านการนอนหลับ เพื่อวางแผนการรักษาในครั้งถัดไป
ครั้งที่ 2-4 ปรับเปลี่ยนโดยใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ :เป็นการรักษาโดยใช้การปรับพฤติกรรมการเข้านอนและตื่นนอน ที่สอดคล้องกับนาฬิกาชีวิต (Body Clock) หรือนาฬิกาชีวภาพ (Biological clock) ของผู้รับบริการ โดยใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเมื่อต้องเผชิญปัญหาการนอนไม่หลับ ตลอดจนการปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของแต่ละบุคคลที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการบำบัดรักษา
ครั้งที่ 5 ฝึกฝนการผ่อนคลาย : ฝึกฝนเทคนิคการผ่อนคลายและการจัดการความเครียด เพิ่มเพิ่มพูนศักยภาพในการนอนให้ดียิ่งขึ้น ลดภาวะการตื่นตัวของระบบประสาทอัตโนมิติที่ส่งผลให้การนอนหลับเกิดขึ้นยาก
ครั้งที่ 6 – 8 คงไว้ซึ่งผลดีของการรักษา : การทำงานร่วมกันโดยใช้การปรับความคิด หรือวิธีคิดที่ส่งผลให้การนอนหลับถูกรบกวน โดยใช้การรู้คิดและพฤติกรรมบำบัด (CBT) เพื่อสร้างเสริมทักษะให้สามารถจัดการปัญหาได้ด้วยตนเอง
ไม่มีใครอยากเป็นโรคนี้ และทุกคนล้วนอยากหายขาดจากอาการนอนไม่หลับ แต่ถ้าเรามุ่งไปที่การแก้ไขอาการเลย โดยเฉพาะการซื้อยากินเอง ทั้ง ๆ ที่สาเหตุยังไม่ถูกแก้ไขอย่างถูกต้อง ก็มีโอกาสที่จะไม่หายขาด ต้องใช้ยาต่อเนื่อง เมื่อหยุดใช้ยาก็อาจกลับมาเป็นซ้ำ
นอกจากนี้ อาจเกิดผลข้างเคียงของยาจากการใช้ยาไม่ถูกต้อง เกิดผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาวได้ อีกทั้ง ยังมีโอกาสทำให้โรคนอนไม่หลับเป็นหนักขึ้น หรือเรื้อรังมากขึ้นได้อีกด้วย
การนอนไม่หลับ เป็นอาการที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้น การมาพบแพทย์หรือนักจิตวิทยาที่ชำนาญการเฉพาะด้าน และได้รับการวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วน เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ จะเป็นแนวทางที่ปลอดภัยและมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้มากกว่า
การรักษาโรคนอนไม่หลับที่กรุงเทพ สลีป เซนเตอร์ จะมีบริการรักษาโรคนอนไม่หลับแบบ CBT-I โดยนักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ ที่ผ่านการศึกษาด้านการนอนหลับมาโดยเฉพาะ รวมถึงการศึกษาในด้านที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ จิตบำบัดความคิดและพฤติกรรม จิตวิทยาคลินิกและชุมชน ปรัชญาและศาสนา
หากท่านใดสนใจรักษาโรคนอนไม่หลับ ต้องการปรึกษาหรือเข้ารับการตรวจ สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ช่องทางติดต่อต่าง ๆ ของเรา
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) เป็นความผิดปกติของการนอนหลับที่ทำให้หลับยาก หลับไม่ทน หรือทำให้เราต้องตื่นขึ้นมาเร็วกว่าเวลาอันสมควร และกำลังเป็นโรคที่ผู้คนเป็นกันมากขึ้นในยุคนี้
แนวทางการรักษาโรคนอนไม่หลับด้วยวิธี Cognitive Behavioral Therapy for Insomnia ที่เรียกว่า CBT-I เป็นแนวทางรักษาโรคนอนไม่หลับที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่มีอาการเรื้อรัง ในปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในการแพทย์ตะวันตก เพราะมีงานวิจัยและการศึกษาที่ยืนยันประสิทธิภาพการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวว่าได้ผลลัพธ์ที่ดี
อย่างไรก็ดี เนื่องจากแนวทางการรักษาโรคนอนไม่หลับของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกาย สภาพจิตใจและปูมหลังของผู้ป่วย ดังนั้น หากมีอาการและสงสัยว่า นอนไม่หลับทำอย่างไรดี? มีข้อแนะนำ คือ ผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุอาการต่าง ๆ และนำไปสู่การวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
ศูนย์ Sleep lab ยินดีให้บริการ และพร้อมให้คำปรึกษาโรคนอนไม่หลับ (Insomnia) แก้ไขปัญหานอนกรน แก้อาการนอนกรน ผู้หญิง-ผู้ชาย พร้อมบริการรักษาภาวะนอนกรน และหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea) โดยการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) โดยแพทย์เฉพาะทางที่ได้รับการรับรองจาก American Board of Sleep Medicine และเจ้าหน้าที่ ที่คอยให้บริการอย่างอบอุ่น สุภาพ และเป็นกันเอง ในบรรยากาศที่พักส่วนตัวที่เงียบสงบ และร่มรื่น