เราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพการนอนที่ดี

กรุงเทพ สลีป เซ็นเตอร์

ความรู้สึกง่วงแต่พอหัวถึงหมอนกลับนอนไม่หลับ สมองคิดวนไปมา หรือตื่นกลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นชั่วคราวจากความเครียดหรือพฤติกรรมการนอนที่ผิดปกติ แต่หากเกิดบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณของ โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) ที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ ทำให้สมาธิลดลง อารมณ์แปรปรวน และเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังในระยะยาว

การแก้ไขปัญหานี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น ปรับพฤติกรรมการนอน ลดความเครียด และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการหลับ หากอาการยังคงรบกวนการใช้ชีวิต อาจต้องเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางการนอนหลับ มาเรียนรู้วิธีจัดการกับโรคนอนไม่หลับ เพื่อให้คุณกลับมานอนหลับได้อย่างมีคุณภาพอีกครั้ง

Table of Contents

ทำความรู้จักโรคนอนไม่หลับ คืออะไร?

โรคนอนไม่หลับ หรือ insomnia คือภาวะที่ร่างกายไม่สามารถนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพ แม้ว่าจะมีเวลาหรือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อาการของโรคนี้อาจเป็น หลับยาก ตื่นกลางดึก หลับต่อไม่ได้ ตื่นเร็วเกินไป หรือเมื่อตื่นมาแล้วยังรู้สึกไม่สดชื่น

ประเภทของโรคนอนไม่หลับ

  • ภาวะนอนไม่หลับชั่วคราว – เกิดขึ้นเป็นระยะสั้นจากความเครียดหรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
  • ภาวะนอนไม่หลับเรื้อรัง – เกิดขึ้นบ่อยครั้งอย่างน้อย 3 คืนต่อสัปดาห์ นานกว่า 3 เดือน
  • ภาวะนอนไม่หลับปฐมภูมิ – ไม่มีโรคอื่นเป็นสาเหตุโดยตรง มักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการนอนและความเครียด
  • ภาวะนอนไม่หลับทุติยภูมิ – เกิดจากโรคประจำตัว เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล หรือผลข้างเคียงจากยา

โรคนอนไม่หลับอาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งกายและใจ หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดภาวะอ่อนเพลีย สมาธิลดลง เสี่ยงโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงได้ หากมีอาการเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม

โรคนอนไม่หลับ มีอาการอย่างไร?

  • หลับยาก – ใช้เวลานานกว่าจะหลับ แม้จะรู้สึกง่วง
  • ตื่นกลางดึก – สะดุ้งตื่นบ่อย หลับต่อได้ยาก
  • ตื่นเร็วเกินไป – นอนไม่เต็มอิ่ม แต่ไม่สามารถหลับต่อได้
  • นอนแล้วไม่สดชื่น – รู้สึกอ่อนเพลียแม้นอนครบชั่วโมงที่ควร
  • ง่วงนอนระหว่างวัน – อ่อนล้า ไม่มีแรง สมาธิลดลง
  • หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน – อาจส่งผลต่อสุขภาพจิต
  • ปวดหัว เวียนหัว – จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ

โรคอื่นที่มีอาการคล้ายอาการโรคนอนไม่หลับ

อาการของโรคนอนไม่หลับ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเครียด หรือพฤติกรรมการนอนที่ผิดปกติเท่านั้น แต่อาจเป็นผลมาจากโรคหรือภาวะทางสุขภาพอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการหลับ หากคุณมีปัญหานอนไม่หลับเป็นประจำและไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ควรตรวจสอบว่าอาการเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับโรคอื่น ๆ หรือไม่

  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) – ตื่นบ่อยจากการหยุดหายใจ หลับไม่สนิท อ่อนเพลียตอนเช้า
  • โรคซึมเศร้า (Depression) – นอนหลับยาก ตื่นเช้าเกินไป หรือหลับมากแต่ไม่สดชื่น อารมณ์แปรปรวน
  • โรควิตกกังวล (Anxiety Disorder) – คิดฟุ้งซ่าน ใจสั่น นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึกบ่อย
  • โรคไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism) – ร่างกายเผาผลาญสูงขึ้น กระสับกระส่าย หัวใจเต้นเร็ว
  • โรคพาร์กินสัน – กล้ามเนื้อกระตุก ฝันร้าย เคลื่อนไหวผิดปกติขณะหลับ
  • โรคกรดไหลย้อน (GERD) – แสบร้อนกลางอกเมื่อนอนราบ ทำให้ตื่นกลางดึกบ่อย
  • โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง – หายใจลำบาก แน่นหน้าอก รบกวนการนอน
  • ภาวะเครียดและแพนิค – หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น สะดุ้งตื่นกลางดึก อาจมีอาการแพนิคร่วม

หากอาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสม

สาเหตุปัจจัยของโรคนอนไม่หลับ เกิดจากอะไร?

ปัจจัยทางจิตใจและอารมณ์

  • ความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า ทำให้สมองตื่นตัวก่อนนอน นอนหลับยากขึ้น
  • ความกดดันจากงาน การเงิน หรือปัญหาส่วนตัว อาจส่งผลต่อคุณภาพการนอน

พฤติกรรมการนอนที่ไม่เหมาะสม

  • การใช้โทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน ทำให้สมองไม่ผ่อนคลาย
  • การนอนผิดเวลา เปลี่ยนเวลานอนบ่อย หรืออดนอนสะสม
  • การดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ก่อนนอน

ปัญหาสุขภาพและโรคประจำตัว

  • จากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ทำให้ตื่นกลางดึก
  • จากโรคไทรอยด์ โรคซึมเศร้า หรือโรคของระบบประสาท ซึ่งส่งผลต่อการนอน
  • จากโรคกรดไหลย้อน หรือโรคปอด ทำให้รู้สึกไม่สบาย หรืออึดอัด เมื่อนอนราบ

ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม

  • ห้องนอนที่ไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิไม่สบาย เสียงรบกวน หรือแสงจ้าเกินไป
  • เตียงและหมอนไม่รองรับสรีระ ทำให้นอนไม่สบาย

ปัญหาจากนาฬิกาชีวิต (Circadian Rhythm Disruption)

  • การเดินทางข้ามโซนเวลา (Jet Lag) หรือการทำงานเป็นกะ (Shift Work)
  • นาฬิกาชีวภาพถูกรบกวน ส่งผลให้หลับยากและตื่นผิดเวลา

โรคนอนไม่หลับ และ โรคซึมเศร้า ต่างกันยังไง?

แม้ว่าโรคนอนไม่หลับ (Insomnia) และ โรคซึมเศร้า (Depression) จะมีความเกี่ยวข้องกันและอาการบางอย่างคล้ายกัน แต่ทั้งสองโรคนี้มีสาเหตุและผลกระทบที่แตกต่างกัน เช่น

  1. สาเหตุของโรค
  • โรคนอนไม่หลับ – เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเครียด นาฬิกาชีวภาพผิดปกติ พฤติกรรมการนอนที่ไม่เหมาะสม หรือโรคทางกายที่รบกวนการนอน
  • โรคซึมเศร้า – เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง รวมถึงปัจจัยด้านจิตใจ เช่น ความเครียดสะสม หรือปัญหาทางอารมณ์
  1. ลักษณะของอาการ
  • โรคนอนไม่หลับ – มีอาการหลับยาก ตื่นกลางดึก หลับต่อไม่ได้ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว อารมณ์อาจปกติหรือแค่รู้สึกอ่อนเพลีย
  • โรคซึมเศร้า – มักมีปัญหาการนอนร่วมกับอาการอื่น เช่น ขาดความสนใจในสิ่งรอบตัว อารมณ์ซึมเศร้า หดหู่ ขาดแรงจูงใจ และรู้สึกหมดหวัง
  1. ความสัมพันธ์กัน
  • คนที่เป็นโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะพัฒนาไปเป็นโรคซึมเศร้า เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลต่อสมองและอารมณ์
  • คนที่เป็นโรคซึมเศร้าอาจมีอาการนอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป ซึ่งขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาท

อันตรายจากโรคนอนไม่หลับ

โรคนอนไม่หลับไม่ใช่แค่ทำให้รู้สึกง่วงหรืออ่อนเพลีย แต่หากเกิดขึ้นเรื้อรัง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย สมอง อารมณ์ และการใช้ชีวิตประจำวันได้ 

1. ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย

  • เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงจากระดับฮอร์โมนความเครียดที่เพิ่มขึ้น
  • ระบบเผาผลาญผิดปกติ เพิ่มโอกาสเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วน
  • ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้ติดเชื้อง่าย และป่วยบ่อย
  • รบกวนระบบย่อยอาหารเสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อนและลำไส้แปรปรวน

2. ส่งผลต่อสมองและอารมณ์

  • สมาธิลดลง ความจำแย่ลง ทำให้การเรียนและการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
  • เพิ่มความเสี่ยงโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล ทำให้อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
  • ในระยะยาว อาจเพิ่มโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์

3. เพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุและอันตรายในการใช้ชีวิต

  • เพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการหลับใน โดยเฉพาะการขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักร
  • การตัดสินใจแย่ลง อาจนำไปสู่ความผิดพลาดในการทำงานหรือชีวิตประจำวัน
  • การควบคุมอารมณ์ลดลง อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

4. ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสัมพันธ์

  • ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่สดชื่น ไม่มีแรงทำกิจกรรมที่เคยชอบ
  • ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ส่งผลต่อโอกาสในหน้าที่การงาน
  • อารมณ์แปรปรวน ทำให้ความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนแย่ลง

รักษาโรคนอนไม่หลับ สามารถรักษาได้ด้วยวิธีไหน

โรคนอนไม่หลับ สามารถรักษาได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การปรับพฤติกรรม การบำบัดทางจิตใจ และการใช้ยาในบางกรณี เพื่อช่วยให้ร่างกายกลับมามีวงจรการนอนที่เป็นปกติ

1. ปรับพฤติกรรมการนอน (Sleep Hygiene)

การปรับพฤติกรรมการนอนเป็นวิธีพื้นฐานที่ช่วยให้ร่างกายคุ้นเคยกับการพักผ่อนที่มีคุณภาพ การตั้งเวลานอนและตื่นให้เป็นกิจวัตรสามารถช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพของร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ

  • นอนและตื่นให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อสร้างวินัยในการนอน
  • หลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าจากโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ก่อนนอน เพราะรบกวนการผลิตเมลาโทนิน
  • งดคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และบุหรี่ก่อนนอน เพราะกระตุ้นระบบประสาทและทำให้หลับยาก
  • ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบา ๆ หรืออาบน้ำอุ่นก่อนนอน

2. การบำบัดพฤติกรรมและความคิด (CBT-I: Cognitive Behavioral Therapy for Insomnia)

CBT-I เป็นแนวทางการบำบัดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ โดยเน้นการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการนอน

  • เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการนอน หยุดกังวลเรื่องนอนไม่หลับ เพราะยิ่งกังวลยิ่งหลับยาก
  • ใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การฝึกหายใจลึก ๆ การทำสมาธิ หรือการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  • ฝึกควบคุมเวลาเข้านอนและตื่นให้เป็นกิจวัตร แม้ในวันหยุด เพื่อช่วยให้ร่างกายปรับตัว

3. การใช้ยา (Medication Therapy)

ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องใช้ยานอนหลับ แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากยาสามารถทำให้เกิดการติดยานอนหลับได้

  • ยานอนหลับ ควรใช้เฉพาะช่วงสั้น ๆ และไม่ควรใช้เป็นทางออกหลัก
  • ยาเมลาโทนิน อาจช่วยปรับสมดุลนาฬิกาชีวภาพของร่างกายให้กลับมาปกติได้
  • ยาต้านซึมเศร้าบางชนิด ใช้ในผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าร่วมกับโรคนอนไม่หลับ

4. การบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติ

การใช้วิธีธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นการนอนโดยไม่ต้องพึ่งยา ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ  เช่น

  • ฝึกโยคะหรือสมาธิ เพื่อลดความเครียดและช่วยให้ร่างกายสงบก่อนนอน
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนนอน
  • ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ เช่น นมอุ่น หรือชาคาโมมายล์ เพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย

5. การรักษาโรคต้นเหตุ

หากโรคนอนไม่หลับเกิดจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ จำเป็นต้องรักษาต้นเหตุของโรคควบคู่กัน เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

  • หากเกิดจากโรคซึมเศร้า หรือวิตกกังวล อาจต้องใช้การบำบัดทางจิตใจหรือยารักษาอาการร่วมด้วย
  • ผู้ที่มีภาวะนอนกรนร่วมกับการหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ CPAP เพื่อป้องกันการอุดกั้นทางเดินหายใจ
  • หากเกิดจากโรคกรดไหลย้อน ควรหลีกเลี่ยงอาหารมื้อดึก และนอนยกหัวเตียงสูงขึ้น

โรคนอนไม่หลับอันตราย เราจึงต้องรีบรักษา

โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) เป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อาการหลักของโรคนี้ ได้แก่ หลับยาก ตื่นกลางดึก หลับต่อไม่ได้ หรือตื่นเช้าเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากความเครียด พฤติกรรมการนอนที่ผิดปกติ โรคประจำตัว หรือปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม หากปล่อยไว้เรื้อรัง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคซึมเศร้า และทำให้สมาธิ ความจำ และประสิทธิภาพในการทำงานลดลง โรคนี้มีวิธีรักษามีหลายแนวทาง เช่น การปรับพฤติกรรมการนอน การบำบัดพฤติกรรม (CBT-I) การใช้ยาในบางกรณี และการรักษาโรคต้นเหตุ

หากคุณมีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง Bangkok Sleep Center พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาปัญหาการนอน ด้วยเทคโนโลยีการรักษา เช่น Sleep Test (Polysomnography, PSG) เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กระทบสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคุณ Bangkok Sleep Center พร้อมช่วยให้คุณกลับมานอนหลับสนิท และตื่นมาพร้อมความสดชื่น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคนอนไม่หลับ

โรคนอนไม่หลับ แก้ยังไง?

โรคนอนไม่หลับแก้ได้โดยการปรับพฤติกรรมการนอน นอนเป็นเวลา หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแสงสีฟ้าก่อนนอน หากยังไม่ดีขึ้น อาจใช้การบำบัดพฤติกรรม (CBT-I) หรือยานอนหลับตามคำแนะนำแพทย์ หากเกิดจากโรคประจำตัว ควรรักษาต้นเหตุร่วมด้วย

โรคนอนไม่หลับ เกิดจากอะไร?

โรคนอนไม่หลับเกิดจากความเครียด พฤติกรรมการนอนที่ไม่เหมาะสม หรือโรคประจำตัว เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือกรดไหลย้อน และ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น เสียงรบกวนหรือห้องนอนไม่เหมาะสม

โรคนอนไม่หลับเรื้อรัง รักษา?

โรคนอนไม่หลับเรื้อรังรักษาได้โดยปรับพฤติกรรมการนอน เช่น นอนเป็นเวลา หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแสงสีฟ้าก่อนนอน การรักษาด้ารการบำบัดพฤติกรรม (CBT-I) เพื่อปรับความคิดเกี่ยวกับการนอน หากจำเป็นอาจใช้ยานอนหลับภายใต้คำแนะนำแพทย์ และหากเกิดจากโรคประจำตัว ควรรักษาต้นเหตุร่วมด้วย

นอนไม่หลับสมองไม่หยุดคิด เกิดจาก?

นอนไม่หลับสมองไม่หยุดคิด เกิดจากความเครียด ความวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า ที่ทำให้สมองตื่นตัวตลอดเวลา หรือเกิดจากพฤติกรรมก่อนนอนที่กระตุ้นสมอง เช่น ใช้มือถือ คิดเรื่องงาน หรือดื่มคาเฟอีนมากเกินไป รวมถึงความผิดปกติของสารเคมีในสมองที่ส่งผลต่อวงจรการนอนหลับ

กรุงเทพ สลีป เซ็นเตอร์
ศูนย์ตรวจรักษาภาวะนอนกรน และนอนไม่หลับ
เพื่อให้การนอนของคุณ เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง

โทรปรึกษา 064-649-1919, 02-089-8687

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *