ศิลปะบำบัด การฟื้นฟูสุขสภาวะด้วยบทฝึกหัดศิลปะเฉพาะบุคคล

ศิลปะบำบัดในแนวทางมนุษยปรัชญา (Anthroposophical Art Therapy) คืออะไร

ศิลปะบำบัดในแนวทางมนุษยปรัชญา (Anthroposophical Art Therapy) คือ ศาสตร์ที่มีตั้งแต่ปี ค.ศ.1921 โดย ดร.รูดอล์ฟ สไตเนอร์ (Dr.Rudolf Steiner) บิดาแห่งการแพทย์มนุษยปรัชญา (Anthroposophic Medicine) ร่วมกับ ดร.มากาเร็ธ เฮาสช์กา (Dr.Margarethe Hauschka) และจิตรกร ลีแอน โคลัวร์ เดอร์บัวร์ (Liane Collot D’Herbois) ที่นำการระบายสีมาใช้ในการบำบัด (Artistic therapeutic works) โดยสัมพันธ์กับความรู้ด้านการแพทย์มนุษยปรัชญา ซึ่งศาสตร์นี้ได้รับความนิยมแพร่หลายในทวีปยุโรป

การแพทย์มนุษยปรัชญากล่าวถึงธรรมชาติของมนุษย์ โดยมองภาพรวมของมนุษย์ว่าประกอบด้วยการทำงานของ 3 ระบบ คือ ระบบประสาท (Nervous System) ระบบจังหวะ (Rhythmic System) และระบบเผาผลาญ (Metabolic and Limbs System)  และการทำงานของ 3 ระบบที่สมดุลกันนี้ หากระบบใดระบบหนึ่งบกพร่องไป ก็จะทำให้เกิดความเจ็บป่วยทางกายหรือทางจิตใจขึ้นได้ 

ศิลปะบำบัดในแนวทางนี้ จะบูรณาการระหว่างความรู้ทางการแพทย์มนุษยปรัชญาและความรู้ทางศิลปะ เพื่อช่วยในการดูแลผู้ที่เข้ามารับการบำบัด ให้เกิดความสมดุล ทั้งร่างกาย จิตใจ และมิติทางจิตวิญญาณ ให้ความสำคัญกับ “กระบวนการ” ที่เกิดขึ้นระหว่างการบำบัด บทฝึกหัดการระบายสี วาดภาพ ลากเส้น และปั้นดินด้วยกระบวนการที่มีความงดงาม ประณีต และความสงบ จะสร้างสุนทรียภาพให้เกิดขึ้น

ศิลปะบำบัดนำพาไปสู่ความสมดุลทางร่างกายและจิตใจ ส่งเสริมและฟื้นฟูทั้งด้านร่างกาย พลังชีวิต อารมณ์ความรู้สึก และบุคลิกภาพของผู้รับการบำบัดอย่างเป็นองค์รวม 

ศิลปะบำบัดกับภาวะนอนไม่หลับ

การนอนไม่หลับ ส่วนหนึ่งมักมาจากความเครียดวิตกกังวล นักศิลปะบำบัดจะใช้ศิลปะในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย ทำงานกับความสงบภายใน เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกิดความสมดุล และในบางรายสามารถช่วยส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับ (ผลการบำบัดแตกต่างไปในแต่ละบุคคล และการทำบำบัดต่อเนื่องช่วยส่งเสริมสภาวะความสมดุล)

รูปแบบการทำงานจะประเมินตามปัญหาหรือลักษณะของผู้เข้ารับการบำบัด เป็นการออกแบบบทฝึกหัดศิลปะเฉพาะบุคคล เช่น 

  • การลากเส้นรูปทรง (Form Drawing) ส่งเสริมกระบวนการทางความคิด (Thinking) และกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท (Nervous System)
  • การระบายสี (Painting) ส่งเสริมการแสดงออกทางความรู้สึก (Feeling) และฟื้นฟูระบบจังหวะ (Rhythmic System)
  • การปั้นดิน (Modelling) ส่งเสริมพลังการลงมือทำ (Willing) และกระตุ้นระบบเผาผลาญ (Metabolic & Limbs System)

สี (Colors) วัสดุทางศิลปะ (Art materials) และบทฝึกหัด (Exercises) ล้วนมีผลในเชิงบำบัด ศิลปะบำบัดจึงแตกต่างจากการวาดรูปและระบายสีทั่วไป

ผู้คนทั่วไปอาจมีความเข้าใจว่า ศิลปะก็คือ การวาดรูปหรือระบายสีก็ช่วยให้ผ่อนคลายแล้วใช่ไหม? อาจใช่เพียงบางส่วน เมื่อเราไปเรียนศิลปะ ก็จะมีจุดมุ่งหมายในส่วนของผลงาน เช่น เรามาเรียนวาดรูปสัตว์ รูปดอกไม้ เราก็จะมีจุดมุ่งหมายว่าจะต้องได้ชิ้นงาน โดยที่เราอาจจะไม่ได้สนใจอารมณ์ความรู้สึกหรือกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในของตัวเอง มุ่งความสนใจในส่วนของผลงานเป็นหลัก

“แต่ในขณะที่ศิลปะบำบัด จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างตัวของนักบำบัดและผู้มาทำศิลปะบำบัด เราจะใช้คำว่าบทฝึกหัด ซึ่งจะออกแบบตามสภาวะในใจของผู้มาบำบัด เราไม่ใช้คำว่าคนไข้ เพราะว่าทุกคนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่สมดุล ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางใจ ไม่ต้องรอให้ถึงขั้นเจ็บป่วยก็สามารถเข้ามาทำศิลปะบำบัดได้”

นักศิลปะบำบัดจะออกแบบบทฝึกหัด โดยใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการทำงานกับเรื่องราวในใจ ใช้วัสดุทางศิลปะหลากหลาย ให้เหมาะกับสภาวะทางกายและทางใจ เช่น บางคนอาจจะมีภาวะร่างกายที่มีการอักเสบ เราก็อาจจะหลีกเลี่ยงการใช้สีที่ไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ หรือบางคนที่ร่างกายอ่อนแอ เราใช้สีที่ทำจากธรรมชาติ และในการทำศิลปะบำบัดเราให้ความสำคัญกับกระบวนการภายในมากกว่าผลลัพธ์

ศิลปะบำบัดใคร?

ศิลปะบำบัดไม่ได้เหมาะแต่เพียงเฉพาะผู้ที่มีทักษะด้านศิลปะเท่านั้น หากแต่เหมาะกับทุกคน ที่สนใจศิลปะ (เริ่มต้นได้ตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป จนถึงวัยผู้ใหญ่ที่สามารถเข้าร่วมศิลปะบำบัดได้โดยไม่จำกัดอายุ) โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานทางศิลปะ เพราะไม่ได้เน้นถึงความสำเร็จของผลงานเป็นหลัก หากแต่เน้นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศิลปะบำบัด ที่ช่วยให้ผู้รับการบำบัดได้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน

ศิลปะบำบัดสามารถส่งเสริมสุขสภาวะในเด็กและวัยรุ่นที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ สมาธิสั้น ออทิสติก มีปัญหาการเข้าสังคม มีความก้าวร้าว ทะเลาะวิวาท มีปัญหาการควบคุมอารมณ์ มีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล

ตลอดจนสามารถทำศิลปะบำบัดได้ในผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ผู้ที่เก็บตัวไม่เข้าสังคม หมดพลังในการดำเนินชีวิต ผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ที่มีอาการเกร็ง ชักกระตุก มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว ผู้ที่มีปัญหาการนอนหลับ ผู้ป่วยอัลไซเมอร์

ขั้นตอนการรักษาโดยใช้ศิลปะบำบัด

การทำศิลปะบำบัดแต่ละครั้งใช้เวลา 45-60 นาที ความถี่อยู่ที่อย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ 

  • ครั้งที่ 1-2 นักศิลปะบำบัดเริ่มต้นชั่วโมงที่ 1 และ 2 ของการบำบัดโดยการให้ระบายสีอิสระ (Free Painting) และปั้นดินอิสระ (Free Clay) เพื่อประเมินสภาวะของผู้รับการบำบัดและประเมิน ความไม่สมดุลที่เกิดขึ้น จากนั้นวางแผนการบำบัด โดยกำหนดเป้าหมายร่วมกัน และทำศิลปะบำบัด
  • ครั้งที่ 2-8 ทำงานร่วมกับผู้รับการบำบัดโดยออกแบบบทฝึกหัดทางศิลปะรายบุคคล ร่วมในการทำงานกับอัตชีวประวัติของผู้รับการบำบัด เรื่องราว ปัญหาในชิวิตผ่านความคิด อารมณ์ และความรู้สึก
  • ครั้งที่ 9-สรุปผลการทำงาน และอภิปรายความคืบหน้าในการเข้ารับบริการร่วมกับผู้เข้ารับการบำบัด

เนื่องจากในทางมนุษยปรัชญา สี (Colors) วัสดุทางศิลปะ (Art materials) และบทฝึกหัด (Exercises) ล้วนมีผลในเชิงบำบัด ดังนั้น ผู้รับการบำบัดแต่ละรายจึงได้รับบทฝึกหัดสี และชนิดอุปกรณ์ที่แตกต่างกันไปตามสภาวะที่นักศิลปะบำบัดได้ประเมิน และในกรณีที่ทำงานร่วมกับแพทย์ ก็จะมีการติดตามผลร่วมกับแพทย์เจ้าของไข้

ตัวอย่างเคสที่ทำศิลปะบำบัดและเกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก

เคสมีภาวะซึมเศร้าและนอนไม่หลับ ประมาณ 3 ปี รับการรักษากับจิตแพทย์ เคสไม่ได้มีความสนใจด้านศิลปะ แต่ด้วยภาวะซึมเศร้าและรู้สึกไม่อยากพูดคุยกับนักจิตวิทยา จิตแพทย์จึงส่งมาทำศิลปะบำบัด เคสจะค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยพูดคุยกับนักศิลปะบำบัด มีภาวะเศร้า เริ่มมาทำงานศิลปะด้วยกัน ครั้งแรกทำงานกับสี ที่เชื่อมโยงกับเรื่องความรู้สึกข้างในใจ และค่อยๆเริ่มทำงานไปด้วยกัน

เคสตั้งใจในการมาทำงานกับตัวเอง แม้ไม่ได้มีทักษะในการระบายสี เมื่อทำงานไปด้วยกัน ประมาณ 5 ครั้ง เคสก็เอ่ยออกมาว่า รู้สึกมีความสุขในทุกๆครั้งที่มาทำศิลปะบำบัด รู้สึกสดชื่น ซึ่งที่ผ่านมา ตัวเองไม่ค่อยได้พบเพื่อน ไม่อยากไปเจอใคร ชอบเก็บตัวอยู่เงียบๆ แต่ล่าสุดวันก่อน เพื่อนชวนไปทานข้าวด้วยกัน เคสจึงตัดสินใจไป แล้วตอบว่าสนุกมาก เมื่อทำศิลปะบำบัดต่อไปครั้งที่ 6-7 เห็นได้ว่ารูปของเคสเปลี่ยนแปลงไปจากรูปแรกอย่างมาก ศิลปะได้เข้าไปทำงานข้างในหัวใจ เขารู้สึกว่าได้เติบโตผ่านเรื่องราวต่าง ๆ และแข็งแรงขึ้น สามารถเล่าเรื่องที่มีความทุกข์ใจ  เรื่องที่ทำให้เศร้าได้อย่างเข้าใจ แม้ว่าเรื่องราวจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่เคสแข็งแรงขึ้น สามารถเล่าและมองดูชีวิตของตัวเองได้อย่างยอมรับ มีพลังที่จะรับมือกับเรื่องเหล่านี้ได้

จะเห็นได้ว่านอกจากเคสสามารถเชื่อมโยงกับตัวทรัพยากรภายในของตัวเอง เคสสามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสิ่งแวดล้อม และบริบทอื่น ๆ ในชีวิตได้มากขึ้น มีมุมมองต่อชีวิตที่เปลี่ยนไป มีความสมดุลขึ้นและมีความสุขขึ้น

ประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากศิลปะบำบัดแนวมนุษยปรัชญา

  • สร้างสมาธิ สามารถอยู่นิ่งและจดจ่อได้นานขึ้น
  • ส่งเสริมการเห็นคุณค่าในตัวเอง
  • เสริมสร้างจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์
  • เสริมสร้างประสาทสัมผัสทางการสัมผัส การเคลื่อนไหว ความสมดุล
  • เสริมสร้างการใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบแบบแผน และเป็นกิจวัตร
  • ปลูกฝังศีลธรรม ความอ่อนโยนต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ 
  • เสริมสร้างทักษะทางสังคม
  • สร้างความผ่อนคลาย
  • สร้างความเบิกบาน
  • สร้างความรื่นรมย์และใกล้ชิดธรรมชาติ
  • ฟื้นฟูพลังชีวิต 
  • ฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการสัมผัส การเคลื่อนไหว การมองเห็น ความสมดุล
  • เสริมสร้างการใช้ชีวิตอย่างเป็นกิจวัตร

การรักษาโรคนอนไม่หลับ ที่กรุงเทพ สลีป เซนเตอร์

หากคุณมีปัญหานอนไม่หลับหรือความเครียดจากปัญหาทางจิตใจ ศิลปะบำบัดแนวมนุษยปรัชญา โดยนักศิลปะบำบัดและ Satir Therapist ที่ได้รับประกาศนียบัตรนักศิลปะบำบัดแนวมนุษยปรัชญา จิตบำบัดแนวซาเทียร์ สามารถเป็นทางเลือกที่ช่วยให้คุณผ่อนคลาย จัดการกับอารมณ์ และสร้างสรรค์สิ่งที่ทำให้จิตใจสงบลง ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้นได้ อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุอาการต่าง ๆ และนำไปสู่การวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

หากท่านใดสนใจศิลปะบำบัดแนวมนุษยปรัชญา ต้องการปรึกษาหรือเข้ารับการตรวจ สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ช่องทางติดต่อต่าง ๆ ของเรา กรุงเทพ สลีป เซ็นเตอร์ ยินดีให้บริการ และพร้อมให้คำปรึกษาโรคนอนไม่หลับ (Insomnia) ปัญหาการนอนหลับ แก้ไขปัญหานอนกรน แก้อาการนอนกรน ผู้หญิง-ผู้ชาย พร้อมบริการรักษาภาวะนอนกรน และหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea) โดยการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) โดยแพทย์เฉพาะทางที่ได้รับการรับรองจาก American Board of Sleep Medicine และเจ้าหน้าที่ ที่คอยให้บริการอย่างอบอุ่น สุภาพ และเป็นกันเอง ในบรรยากาศที่พักส่วนตัวที่เงียบสงบ และร่มรื่น

บทความอื่นๆ

Shopping Basket