เทคนิคการเลือกหน้ากากเครื่อง CPAP (CPAP mask)

ทำไมต้องใช้เครื่อง CPAP

          ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ เป็นความผิดปกติด้านการนอนที่พบได้ในคนทั่วไป โดยสามารถเกิดได้ทั้งในผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพและผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง 

ภาวะนี้เกิดจากการแฟบตัวของช่องทางเดินอากาศบริเวณลำคอหรือโคนลิ้นขณะที่นอนหลับสนิท ทำให้ช่องทางเดินอากาศตีบแคบลง เมื่อหายใจเข้า-ออกจึงเกิดเป็นเสียงกรนขึ้น และหากมีอาการรุนแรง ทางเดินอากาศจะปิดสนิท ทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้

          ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้สมองขาดออกซิเจนขณะที่หลับสนิท สมองจึงถูกปลุกให้ตื่นจากหลับลึกขึ้นมาเป็นหลับตื้นตลอดทั้งค่ำคืน สมองและร่างกายจึงพักผ่อนไม่เต็มที่ เป็นผลให้สุขภาพเสื่อมโทรมลงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในปัจจุบันการรักษาที่ได้ผลดีและเป็นที่ยอมรับทางการแพทย์ทั่วโลกคือการรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศแรงดันบวก หรือ continuous positive airway pressure ที่เรียกย่อๆว่าเครื่อง CPAP เครื่อง CPAP ทำงานโดย เครื่องจะมีมอเตอร์พ่นอากาศผ่านท่อลมและหน้ากาก (mask) ผ่านจมูกหรือปาก เข้าไปในโพรงอากาศบริเวณลำคอของผู้ที่ใช้งาน มีวัตถุประสงค์ที่จะเพิ่มความดันเพื่อเปิดขยายช่องลมที่ลำคอ ป้องกันไม่ให้ช่องลมแฟบตัวลงขณะที่หลับสนิท เป็นการแก้ไขภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับที่ต้นตอของปัญหาอย่างแท้จริง

การเลือกหน้ากาก CPAP ที่เหมาะสม มีความสำคัญอย่างไร

          หลังจากที่เข้ารับการตรวจการนอนหลับ (sleep test) และได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ เมื่อแพทย์แนะนำการรักษาด้วยการใช้เครื่อง CPAP ขั้นตอนที่สำคัญในลำดับต่อไป คือการตั้งค่าเครื่อง CPAP ให้ถูกต้องกับผลการตรวจการนอนหลับ รวมทั้งเลือกหน้ากากให้เหมาะกับรูปใบหน้าและสรีระ ในบางท่านแพทย์อาจจะเลือกชนิดของหน้ากากที่เหมาะสมกับผลที่ได้จากการตรวจการนอนหลับให้เลย แต่ในคนส่วนใหญ่ เราจะมีโอกาสเลือกชนิดของหน้ากากให้เข้าได้กับรูปใบหน้าหรือท่านอนได้ เพื่อให้ใส่หน้ากากนอนได้สบายและลมไม่รั่วออกจากหน้ากากขณะนอนหลับ 

อย่างไรก็ตาม เราควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการเลือกหน้ากากที่เหมาะสม แพทย์จะแนะนำให้นำเครื่อง CPAP พร้อมหน้ากากไปทดลองนอนที่บ้าน แนะนำข้อดี ข้อเสีย ข้อควรระวัง ความแตกต่างของหน้ากากแต่ละแบบ และประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากที่ทดลองใช้เครื่อง CPAP แพทย์จะนัดติดตามการใช้งาน เพื่อตรวจสอบค่าสถิติต่างๆของการนอนที่เครื่อง CPAP บันทึกไว้ เช่น ค่าการหยุดหายใจขณะหลับ (AHI) และค่าการรั่วหน้ากาก ปรับการตั้งค่าเครื่อง CPAP หรือปรับเปลี่ยนหน้ากากให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อให้เรานอนหลับได้อย่างสบายและได้รับประสิทธิภาพจากการรักษาด้วยเครื่อง CPAP สูงที่สุด

หน้ากาก CPAP มีกี่ประเภท

        หน้ากาก CPAP ส่วนใหญ่แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ

  1. หน้ากากแบบเต็มใบหน้า (oronasal mask) มีขนาดใหญ่ โดยมีกรอบพลาสติกและซิลิโคนครอบทั้งบริเวณจมูกและปาก
  2. หน้ากากแบบครอบจมูก (nasal mask) ครอบเฉพาะบริเวณจมูก โดยมีกรอบพลาสติกและซิลิโคนครอบบริเวณจมูกและเหนือริมฝีปากบน
  3. หน้ากากแบบใต้จมูก (nasal pillow mask) หน้ากากชนิดนี้จะวางตัวอยู่บริเวณใต้จมูก เหนือริมฝีปากบน และไม่มีกรอบพลาสติกและซิลิโคนไปกดที่สันจมูก

          ข้อสำคัญในการเลือกหน้ากากคือ เมื่อใส่หน้ากากนอนแล้วลมต้องไม่รั่วและผ้ายืดหรืออุปกรณ์ที่ยึดตรึง CPAP (head gear) เข้ากับศีรษะใส่ได้สบายไม่กดบนใบหน้าและศีรษะมากเกิดไป

oro-nasal mask

ข้อดีของหน้ากากชนิดครอบจมูกและปาก (oronasal mask)

          หน้ากากชนิดนี้เหมาะสำหรับคนที่มักหายใจทางปากขณะที่นอนหลับ มีลมรั่วออกทางปากจากการใส่เครื่อง CPAP นอกจากนั้นหน้ากากยังเหมาะกับคนไว้หนวดและเครา เนื่องจากหากใส่หน้ากากชนิดนี้ทำให้โอกาสลมรั่วน้อยกว่าหน้ากากชนิดที่ครอบจมูก (nasal mark หรือ under pillow mask) เพียงอย่างเดียว
          อย่างไรก็ตาม หน้ากากชนิดนี้จะมีขนาดใหญ่ และใส่สบายน้อยกว่าหน้ากากชนิดอื่น ทำให้ผู้สวมใส่อาจเผลอถอดหน้ากากขณะที่นอนหลับไปแล้ว หรือไม่อยากใส่เครื่อง CPAP

nasal mask

ข้อดีของหน้ากากชนิดครอบจมูก (nasal mask)

หน้ากากชนิดนี้ครอบเฉพาะบริเวณจมูก มีผู้นิยมใช้มากที่สุด เพราะ

  1. ใส่สบาย
  2. โอกาสเกิดลมรั่วน้อย
  3. ใช้งานได้ทนทาน
  4. ราคาประหยัด
  5. ต้องการใช้แรงดันลมจากเครื่อง CPAP น้อยกว่า
underpillow mask

ข้อดีของหน้ากากชนิดใต้จมูก (nasal pillow mask)

          หน้ากากชนิดนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบมีอะไรมาครอบที่จมูก หรือมีซิลิโคนกดบริเวณสันจมูกและหน้าผาก มีข้อดีหลายอย่าง ได้แก่

  1. เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำกิจกรรมบนเตียงก่อนนอน เช่น อ่านหนังสือ เล่นคอมพิวเตอร์ หรือดูหนัง เพราะไม่มีหน้าการครอบจมูกมากีดขวางสายตาและการมองเห็น
  2. เหมาะสำหรับคนที่กลัวที่แคบ ไม่อยากมีอะไรมาครอบจมูก
  3. ใส่และถอดง่าย
  4. เหมาะสำหรับคนที่ชอบนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ

        หน้ากากชนิดใต้จมูกจะมี 2 แบบ คือ แบบที่วางไว้ใต้จมูกเฉยๆ กับแบบที่มีจุกใส่เข้าไปในรูจมูกด้วย ซึ่งแบบที่มีจุกใส่เข้าไปในรูจมูกจะทำให้ลมเข้าได้ดีกว่า และโอกาสที่จะเกิดลมรั่วได้น้อยกว่า แต่ข้อควรระวังคือ หน้ากากชนิดนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่เนื้อจมูกมากพอ ปลายจมูกไม่เชิด เพราะหน้ากากชนิดนี้ต้องอาศัยส่วนล่างของจมูกในการยึดเกาะ หากเนื้อจมูกไม่มากพอจะทำให้ลมรั่วได้ง่าย เราจึงแนะนำให้ทดลองหน้ากากชนิดใต้จมูก (nasal pillow) ก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะหน้ากากชนิดนี้มีโอกาสมีลมรั่วได้ง่ายกว่าหน้ากากชนิดอื่น

หน้ากากชนิดใต้จมูก

หน้ากากชนิดอื่นๆ

หน้ากากชนิดอื่นๆ ที่ใช้น้อย ได้แก่

  1. หน้ากากที่ใส่เต็มใบหน้า (full-face mask) ซึ่งคลุมตั้งแต่หน้าผากมาถึงคาง
  2. หน้ากากที่ครอบปากเพียงอย่างเดียว (oral interfaces) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาที่จมูก ไม่อยากให้มีแรงลมผ่านบริเวณจมูก

การเลือกหน้ากาก CPAP ให้เหมาะสมกับท่านอน

          หน้ากาก CPAP ที่กล่าวมาทั้ง 3 ประเภท สามารถใช้งานได้ดีในท่านอนหงาย และนอนตะแคง เพราะหน้ากากทุกประเภทมีสายรัดบริเวณศีรษะที่สามารถปรับให้กระชับ ทำให้โอกาสที่จะเกิดลมรั่วได้น้อย สายรัดศีรษะหรือที่เรียกว่า head gear มีหลายแบบ คุณสามารถเลือกแบบที่ชอบ และใส่กระชับ ไม่มีแรงที่กดลงบนใบหน้า จมูก หรือ หน้าผากมากจนเกินไป
          หน้ากากที่เหมาะสมสำหรับท่านอนคว่ำ คือหน้ากากแบบใต้จมูก (nasal pillow mask) เพราะหน้ากากชนิดนี้ไม่มีกรอบพลาสติกบริเวณรอบจมูกและที่หน้าผาก ทำให้ไม่มีการกดทับบริเวณใบหน้า สามารถใส่นอนคว่ำได้

Check list การเลิอกหน้ากาก

Check list การเลือกหน้ากากที่เหมาะกับตัวคุณ

  1. ท่านอนที่คุณนอนประจำ (นอนหงาย นอนตะแคง นอนคว่ำ)
  2. ชอบหายใจทางจมูกหรือปาก
  3. ไว้หนวดและเคราหรือไม่
  4. ชอบทำกิจกรรมบนเตียงก่อนนอน เช่น อ่านหนังสือ เล่นคอมพิวเตอร์ หรือดูหนัง หรือไม่
  5. กลัวที่แคบ ไม่อยากมีหน้ากากมาครอบบริเวณจมูกและปากหรือไม่

บทสรุป

          คุณอาจจะรู้สึกสับสนในการเลือกหน้ากากในช่วงแรก เป้าหมายสำคัญของการเลือกหน้ากาก คือมีหน้ากากที่ใส่สบาย ไม่มีลมรั่ว และเข้าได้กับความเป็นตัวคุณ กรุงเทพ สลีป เซ็นเตอร์ หวังว่าบทความนี้ให้รายละเอียดในการเลือกหน้ากากที่เหมาะสมได้พอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเลือกซื้อหน้ากาก ควรจะทดลองใส่นอนจริงๆ 2-3 คืนก่อนตัดสินใจ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่อง CPAP เพื่อให้คำแนะนำ และตรวจติดตามค่าการใช้เครื่อง CPAP ปรับหน้ากากให้เหมาะสม ตามผลที่อ่านได้จากเครื่อง เพียงแค่นี้คุณจะได้ใส่ CPAP นอนหลับได้สบายและมีประสิทธิภาพจากการใช้งานสูงที่สุด

ศูนย์ตรวจ และรักษาภาวะนอนกรน และการนอนหลับที่ผิดปกติ กรุงเทพ สลีป เซ็นเตอร์ ยินดีให้บริการ และพร้อมให้คำปรึกษาวิธีแก้นอนกรน แก้อาการนอนกรน ผู้หญิง-ผู้ชาย รักษาอาการกรน พร้อมบริการรักษาภาวะนอนกรน และหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea) โดยการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) โดยแพทย์เฉพาะทางที่ได้รับการรับรองจาก American Board of Sleep Medicine และเจ้าหน้าที่ ที่คอยให้บริการอย่างอบอุ่น สุภาพ และเป็นกันเอง ในบรรยากาศที่พักส่วนตัวที่เงียบสงบ และร่มรื่น

กรุงเทพ สลีป เซ็นเตอร์
ศูนย์ Sleep lab ที่ให้การตรวจการนอนหลับ (sleep test) ของคุณ
เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง

โทรปรึกษา 064-649-1919, 02-089-8687

บทความอื่นๆ

การเลือกหมอน สำหรับคนนอนกรน

มีใครที่ใช้หมอนใบเดิมตั้งแต่เด็กกันๆหรือเปล่าคะ ? อาจจะมีแต่คงน้อยแน่ๆใช่หรือไม่คะ เพราะร่างกายและสรีระของเราที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้หมอนจำเป็นต้องเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมด้วย 

อ่านเพิ่มเติม

อาการปวดหัวหลังตื่นนอน เป็นๆหายๆ ที่มองข้ามไม่ได้

อาการปวดหัวนั้นสามารถแยกประเภทได้ หลักๆด้วยกัน แบบปฐมภูมิ เป็นอาการปวดที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดเช่น ปวดจากไมเกรน

อ่านเพิ่มเติม
Shopping Basket